ซิงเกิลแรกของวงนี้คือ "Do What U Like" โดยเพลงนี้สามารถขึ้นไปถึงอันดับที่ 82 ในชาร์ตของอังกฤษ ซิงเกิลต่อๆมาของวงอย่าง "Promises" และ "Once You've Tasted Love" สามารถขึ้นไปถึงอันดับ 38 และ 47 ตามลำดับซิงเกิลแรกที่ประสบความสำเร็จของพวกเขาคือ "It Only Takes A Minute" เป็นเพลงคัฟเวอร์ของวงยุค'70 ชื่อ Tavares ขึ้นชาร์ทในอังกฤษสูงสุดอันดับ 7[2] ต่อมาเพลง "I Found Heaven" สามารถขึ้นไปถึงอันดับ 15 หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยเพลงฮิตอย่าง "A Million Love Songs" เป็นเพลงช้าที่แต่งโดย แกรี โดยสามารถขึ้นไปถึงอันดับ 7 ในอังกฤษ จากนั้นก็ปล่อยเพลง "Could It Be Magic" เพลงเก่าของแบรรี แมนิโลว์ และดอนน่า ซัมเมอร์ ไต่ชาร์ทไปถึงอันดับ 3[2] หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้ออกอัลบั้มแรกTake That & Party ในปี 1992 โดยอัลบั้มนี้ขึ้นไปถึงอันดับ 2 ของชาร์ตอังกฤษ ซึ่งถือว่าเป็นอัลบั้มเดียวของวงที่ไม่สามารถขึ้นถึงอันดับ 1 โดยอัลบั้มนี้ขายได้ประมาณ 1 ล้านชุด
ปี 1993 วงได้ออกอัลบั้มอัลบั้มEverything Changes โดยเพลงส่วนใหญ่จะแต่งโดยแกรี มีเพลงอันดับ 1 ถึง 4 เพลง [คือเพลงPray (เพลงนี้เป็นซิงเกิแรกของวงที่สามารถขึ้นถึงอันดับ 1 ได้สำเร็จ) ,Relight My Fire(โดยเพลงนี้เป็นเพลงคัฟเวอร์ของแดน ฮาร์ทแมน),Babe และEverything Changes] ส่วนซิงเกิลแรกWhy Can't I Wake Up with You นั้นขึ้นถึงอันดับ 2 ทั้งที่อัลบั้มก่อน Take That and Party ไม่มีซิงเกิลใดขึ้นถึงอันดับ 1 เลย และตัวอัลบั้มก็ขึ้นอันดับ 1 เช่นกัน ซิงเกิลที่ 6 คือ "Love Ain't Here Anymore" หยุดอยู่ที่อันดับ 3[2] อัลบั้มนี้ขายได้ถึง 3 ล้านชุดทั่วโลก
ออกอัลบั้มเดี่ยวในปี 1997 กับอัลบั้ม Open Road มีเพลงฮิตอันดับ 1 ในอังกฤษ 2 เพลงคือ Forever Love และ Love Won´t Wait ส่วนอัลบั้มที่ 2 Twelve Months, Eleven Days ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร จากนั้น แกรี ก็ออกมาเปิดสตูดิโอของตัวเอง แต่งเพลงและโปรดิวซ์เพลงให้ศิลปิน เช่นดอนนี ออสมอนด์,บลู และเดลตา กู๊ดเรม เป็นต้น โดยในปี 2013 เขาได้ออกอัลบั้ม Since I Saw You Last โดยขายได้เกือบหนึ่งล้านชุด
ร็อบบี้ วิลเลียมส์
ออกซิงเกิลแรก Freedom เพลงเก่าของจอร์จ ไมเคิล โดยในอัลบั้มแรกของเขา Life thru a Lens นั้นสามารถไปถึงอันดับ 1 ของชาร์ตอังกฤษ ร็อบบี้ ประสบความสำเร็จในการออกอัลบั้มอย่างมาก โดยได้ออกผลงานอย่าง I've Been Expecting You, Sing When You're Winning, Escapology, Intensive Care, Rudebox, Reality Killed the Video Star, Take the Crown และ Swings Both Ways โดย 9 จาก 10 อัลบั้มเดี่ยวของร็อบบี้นั้นสามารถขึ้นไปถึงอันดับ 1 ของชาร์ตอังกฤษ เขามีเพลงอันดับ 1 ในอังกฤษ 7 เพลง อัลบั้มและซิงเกิลของร็อบบี้สามารถทำยอดขายได้มากกว่า 77 ล้านชุดทั่วโลก ทำให้ร็อบบี้เป็นศิลปินชายจากอังกฤษที่มียอดขายมากที่สุด
มาร์ก โอเวน
ออกอัลบั้มเดี่ยวทั้งหมด 4 อัลบั้ม คือ Green Man, In Your Own Time, How the Mighty Fall และ The Art of Doing Nothing ในปี2002 มาร์กเป็นผู้ชนะเลิศในรายการพิเศษของบิ๊ก บราเธอร์ในอังกฤษ ชื่อ "Celebrity Big Brother"[3]
16 พฤศจิกายน 2005 สมาชิก 4 คนของเทกแดต กลับมาอีกครั้งนึงในรายการทางช่อง ITV1 พูดคุยถึงการหายไปใน 10 ปีที่ผ่านมา ทั้ง 4 คนได้บันทึกสารคดี โดยนี่เป็นการทำให้คิดถึงการรวมตัวกันใหม่ และถูกย้ำให้ชัดเจนขึ้นในการเป็นผู้เข้าชิงในรายการ Rose d'Or award ที่มีผู้ชมกว่า 7 ล้านคน25 พฤศจิกายน 2005 มีการแถลงข่าวว่า เทกแดต (4 คน) จะออกทัวร์คอนเสิร์ตในปี 2006 โดยใช้ชื่อว่า "The Ultimate Tour 2006" เริ่มต้นตั้งแต่เดือนเมษายนถึงมิถุนายน 2006 ซึ่งมีแขกรับเชิญอย่าง เบเวอร์ลีย์ ไนท์, ลูลู และพุซซี่แคท ดอลส์ ที่มาร่วมโชว์ในดับลิน รวมไปถึงชูกาเบบส์ นอกจากนี้ ร็อบบี้ ยังได้ร่วมโชว์ในเพลง "Could it be Magic" โดยผ่านการบันทึกภาพในระบบฮอโลแกรมด้วย[4]
อัลบั้มรวมเพลงชุดที่ 2Never Forget – The Ultimate Collection พร้อมกับเพลงที่ไม่เคยออกมาก่อนอย่าง "Today I've Lost You" อัลบั้มรวมเพลงนี้ขายได้กว่า 2 ล้านชุด