เตหะราน
تهران
تهران بزرگ ธง
ตรา
ที่ตั้งกรุงเตหะรานในประเทศอิหร่าน
พิกัด:35°41′21″N 51°23′20″E / 35.68917°N 51.38889°E /35.68917; 51.38889 ประเทศ อิหร่าน จังหวัด จังหวัดเตหะราน เทศมณฑล เตหะราน เรย์ เชมีรอนอต อำเภอ กลาง การปกครอง • นายกเทศมนตรี แอลีเรซอ ซอคอนี • ประธานสภานคร เมฮ์ดี แชมรอน พื้นที่[ 1] • เขตเมือง615 ตร.กม. (237 ตร.ไมล์) • รวมปริมณฑล2,235 ตร.กม. (863 ตร.ไมล์) ความสูง[ 2] 900 ถึง 1,830 เมตร (2,952 ถึง 6,003 ฟุต) ประชากร • ความหนาแน่น11,800 คน/ตร.กม. (31,000 คน/ตร.ไมล์) • เขตเมือง12,893,706[ 4] คน • รวมปริมณฑล 16,000,378[ 5] คน • อันดับประชากรในประเทศอิหร่านอันดับที่ 1 เขตเวลา UTC+03:30 (เวลามาตรฐานอิหร่าน ) • ฤดูร้อน (เวลาออมแสง )UTC+04:30 (เวลาออมแสงอิหร่าน )รหัสพื้นที่ (+98)021 ภูมิอากาศ BSk เว็บไซต์ www.tehran.ir
เตหะราน (/t ɛəˈr æ n , -ˈ r ɑː n ,ˌ t eɪ -/ ;เปอร์เซีย : تهران Tehrān [tehˈɾɒːn] ⓘ ) เป็นนครในจังหวัดเตหะราน และเมืองหลวง ของประเทศอิหร่าน มีประชากรราว 8.7 ล้านคนในเขตนครเตหะราน และราว 15 ล้านคนหากรวมเตหะรานและปริมณฑล ถือเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุด ของประเทศอิหร่านและของเอเชียตะวันตก เตหะรานและปริมณฑลถือเป็นเขตมหานครที่มีประชากรมากที่สุดอันดับสอง ในตะวันออกกลาง รองจากไคโร ประเทศอียิปต์ และเป็นอันดับที่ 24 ของโลก
เตหะรานถูกเลือกให้เป็นเมืองหลวงของอิหร่านครั้งแรกโดยพระเจ้าอะฆา มุฮัมมัด ข่าน กอญัร แห่งราชวงศ์กอญัร ในปี 1786 อันเป็นผลจากที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่ใกล้กับคอเคซัส ซึ่งในเวลานั้นถูกตัดขาดจากอิหร่านด้วยสงครามกับรัสเซีย เมืองหลวงของอิหร่านมีการเปลี่ยนไปหลายครั้ง และเตหะรานเป็นเมืองหลวงที่ 32 ของเปอร์เซีย ในทศวรรษ 1920 ได้เริ่มมีการทุบทำลายและก่อสร้างเมืองขึ้นใหม่ขนานใหญ่ เตหะรานกลายมาเป็นจุดหมายปลายทางของการอพยพประชากรขนาดใหญ่จากพื้นที่อื่น ๆ ของอิหร่าน นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา[ 6]
สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมายในเตหะราน เช่นวังโกเลสตาน ,วังซอแดแบด และวังเนียแวแรน จุดหมายตาสำคัญของเตหะรานที่สร้างในยุคหลัง ๆ เช่นหอคอยออซอดี ที่สร้างขึ้นโดยชาฮ์ในปี 1971 ในโอกาสครบรอบ 2,500 ปีของจักรวรรดิเปอร์เซีย ,หอคอยมีลอด ซึ่งเป็นหอคอยที่สูงที่สุดในโลกอันดับที่หก สร้างเสร็จในปี 2007 และสะพานแตเบียต ซึ่งสร้างเสร็จในปี 2014[ 7]
เตหะรานเป็นเพียงแค่ชุมชนเล็ก ๆ ในเขตเมืองเรห์ ซึ่งมีการตั้งหลักถิ่นฐานมาตั้งแต่คราวจักรวรรดินูเบีย เดิมเมืองนี้ไม่ได้มีบทบาทสำคัญอะไรเท่าไหร่ และเป็นแค่เพียงเมืองเล็ก ๆที่อยู่ใต้เขตอิทธิพลของของเมืองเรห์ที่มีอำนาจมากและมีขนาดใหญ่ในตอนนั้น ด้วยความที่เมืองเรห์เป็นเมืองที่ใหญ่ และค่อนข้างจะเจริญรุ่งเรืองอยู่พอสมควร ทำให้เมืองเรห์เป็นจุดหมายปลายทางของชาวอาหรับในการเข้ามาค้าขาย หรือมาตั้งถิ่นฐานบนพื้นแผ่นดินชาวเปอร์เซีย
ความรุ่งเรืองของเมืองเรห์ทำให้เมืองเป็นเป้าถูกโจมตีหลายครั้ง จากหลายกลุ่มชาติพันธุ์ไม่ว่าจะเป็นพวกซัลญูก พวกเติร์ก และพวกควาราซเมียน เพื่อแย่งชิงดินแดน แต่ไม่มีครั้งไหนที่ทำให้เมืองพินาศได้เท่ากับการรุกรานของพวกมองโกลในศตวรรษที่ 13 การโจมตีของพวกมองโกลนำไปสู่การปล้นสะดม เผาทำลายเมือง และการสังหารหมู่ชาวเมือง ว่ากันว่าจำนวนประชากรนับกว่า 500,000 คนภายในเมืองเรห์ เหลือเพียงไม่กี่แสนคนในช่วงที่มองโกลรุกราน และเพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเมือง ทำให้ผู้คนที่เหลือรอดอยู่เลือกที่จะย้ายขึ้นเหนือไปอยู่ที่เตหะรานที่อยู่ใกล้เคียงกัน ทำให้ชุมชนเล็ก ๆของเตหะรานค่อย ๆขยายตัวขึ้นมา โดยในช่วงปี 1404 บันทึกของคณะทูตชาวกัสติยาที่นำโดยรอย กอนซาเลส เดอ คัลวาโย (Ruy González de Clavijo) ก็ได้เดินทางผ่านเมืองเตหะราน ซึ่งบันทึกว่าไว้ว่ามีบ้านเรือนปลูกขึ้นราว 3000 หลังคาเรือน
เตหะรานกลับมามีบทบาทสำคัญมากภายหลังพระเจ้าอะฆา มุฮัมมัด ข่าน กอญัร ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์กอญัร ทรงย้ายเมืองหลวงขึ้นจากอิสฟาฮานขึ้นเหนือไปที่เตหะราน เมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งทางตอนเหนือ ด้วยเหตุผลทางด้านความมั่นคงเพื่อหนีห่างจากกลุ่มขุนนางที่ยังคงมั่นคงในราชวงศ์เก่า รวมทั้งกลุ่มขุนนางพื้นถิ่นเดิม ด้วยความที่เตหะรานนั้นเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่ขาดแคลนสาธารณูปโภคต่าง ๆ จึงเป็นโอกาสดีที่ทางพระเจ้าอะฆา มุฮัมมัด จะได้ตั้งตัวขึ้นมา และลดการต่อต้านของทั้งขุนนางและประชาชน ที่สำคัญเมืองแห่งนี้ยังอยู่ใกล้กับบริเวณเทือกเขาคอเคซัสและพื้นที่อาร์เซไบจาน ซึ่งเป็นพื้นที่่ความขัดแย้งที่กำลังปะทุขึ้นมาระหว่างเปอร์เซีย-รัสเซีย ในอนาคตอันสั้น
แผนที่ของเมืองเตหะรานในปี 1857 การย้ายมาปักหลักที่เตหะราน ทำให้ราชวงศ์กอญัรต้องพัฒนาเมืองหลวงขึ้นมาใหม่ เพราะแต่เดิมเตหะรานนั้นไม่มีอะไรเลย โดยทางราชำสำนักใช้เวลาร่วมกว่า 50 ปี ในการเนรมิตเมืองใหม่ขึ้นมา กำแพงเมืองแปดเหลี่ยมถูกสร้างขึ้นรอบเมืองอย่างสมมาตร ย่านการค้าและชุมชนขยายตัวไปทั่วเมืองและกระจายขยายออกไป ในเวลานั้นประชากรในเมืองขยายตัวเพิ่มขึ้น จนมีเกือบ 80,000 ครัวเรือนอาศัยอยู่ในเขตเมืองเตหะราน
ภาพถ่ายทางอากาศของเมืองเตหะรานในปี 1925 ภายใต้อำนาจราชวงศ์ปาห์ลาวี[ แก้ ] หลังจากความวุ่นวายทางการเมืองหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองสู่การมีระบบสภาและการเลือกตั้ง สภาความมั่นคงแห่งอาณาจักรก็ได้มีการแต่งตั้งเรซา ชาห์ ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่แห่งราชวงศ์ปาห์ลาวี การขึ้นมามีอำนาจของราชวงศ์ปาห์ลาวีนอกจากจะรวมศูนย์อำนาจเข้าสู่ศูนย์กลางอีกครั้งแล้ว ยังสร้างความเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ให้กับเตหะรานที่เป็นเมืองหลวงอีกต่างหาก
ในช่วงทศวรรษ 1920-1930 พระเจ้าชาห์เรซา ปาห์ลาวี ทรงเริ่มวางแผนเมกะโปรเจกต์ขนานใหญ่ในการปรับปรุงภูมิทัศน์ของเมืองใหม่ ทั้งการบูรณะอาคารสถานที่ราชการและวังต่าง ๆ ให้อยู่ในรูปลักษณ์ของศิลปกรรมแบบคลาสสิคเปอร์เซีย พื้นที่ภายในพระราชวังโกเลสถาน โรงละครแห่งชาติ หรือจัตุรัสกลางเมือง ทุกอย่างถูกเพิ่มศิลปกรรมแบบเปอร์เซียเข้าไป เช่นเดียวกับกลุ่มอาคารราชการสมัยใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ อย่างธนาคารกลาง สถานีตำรวจ หรือว่าค่ายทหารเอง ก็จะถูกสร้างขึ้นมาด้วยศิลปกรรมแบบคลาสสิกเปอร์เซีย ในขณะเดียวกันตามแผนการพัฒนาเมืองยังมีการตัดถนนขนาดใหญ่ขึ้นรอบเมือง เพื่อสร้างพื้นที่สาธารณะและลานอเนกประสงค์ให้ประชาชนใช้งาน และการตัดถนนนั้นได้ทำให้พื้นที่ของตลาดขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองอย่าง แกรนด์ บาซซาร์ ต้องหายไปกว่าครึ่ง
การพัฒนาเมืองในครั้งนี้ พระเจ้าชาห์หวังให้เตหะรานมีความเจริญเทียบเท่ากับทางตะวันตก ที่เต็มไปด้วยจัตุรัสและพื้นที่โล่งให้คนมาเดินเล่น แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงรักษากลื่นอายของความเป็นเปอร์เซียเอาไว้
ระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เตหะรานเป็นพื้นที่กลางในการพบปะคุยกันของผู้นำกลุ่มสัมพันธมิตร ได้แก่วินสตัน เชอร์ชิล นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรแฟลงคิน ดี.โรสต์เวลล์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และโจเซฟ สตาลิน ผู้นำสูงสุดของสหภาพโซเวียต
จัตุรัส Tupkhane ในปี 1911
ท้องถนนใกล้ ๆ กับจัตุรัสทาลิลี่ ในปี 1930
อาคารในมหาวิทยาลัยเตหะรานในปี 1939
National ธนาคารกลางอิหร่าน
การประชุมเตหะราน การพบปะกันของสามผู้นำชาติสัมพันธมิตรในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
อาคารรัฐสภาหลังเก่าในปี 1956
ถนนเฟอร์ดอซีในปี 1960
ถนน Keshavarz Boulevard ในปี 1970
ถนน Karimkhan Street ในปี 1977
โครงการทางด่วนในเมืองเตหะราน ในช่วงทศวรรษที่ 1950-1960 เตหะรานเต็มไปด้วยโครงการสิ่งก่อสร้างจนาดใหญ่ที่แสดงถึงความทะเยอทะยานในการพัฒนาเมือง อย่างไรก็ตามเตหะรานก็เผชิญกับปัญหาไม่ต่างอะไรจากเมืองหลวงของประเทศกำลังพัฒนาทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นปัญหาประชาชนแออัดจากการเข้ามาของผู้คนในชนบทสู่เมืองหลวง ปัญหามลพิษทางอากาศจากพายุทราย ปัญหาเกี่ยวกับน้ำ ปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน นอกจากนี้ยังมีปัญหาทางเศรษฐกิจที่สร้างความเหลื่อมล้ำภายในเมืองที่มาจากภาคธุรกิจน้ำมันเป็นแกนหลักของประเทศ และปัญหาเหล่านั้นยิ่งตอกย้ำงมากในนโยบายการปฏิรูปที่ดินของพระเจ้าชาห์อีก
หอคอยอะซาดี อนุสรณ์สถานแห่งนี้สร้างในสมัยพระเจ้าชาห์โมฮัมเหม็ด เรซา ปาห์ลาวี ในปี 1971