Movatterモバイル変換


[0]ホーム

URL:


ข้ามไปเนื้อหา
วิกิพีเดียสารานุกรมเสรี
ค้นหา

ฮูษี

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ฮูษี
الحوثيون
สัญลักษณ์ของกลุ่ม อ่านว่า
"ผู้ศรัทธาเอ๋ย จงเป็นสาวกอัลลอฮ์"[1][2][3]
คำขวัญ"อัลลอฮ์ทรงยิ่งใหญ่ อเมริกาจงตาย อิสราเอลจงตาย ยิวจงพินาศ อิสลามจงชนะ"
ก่อตั้งค.ศ. 1994
ก่อนหน้าBelieving Youth[4]
สมาชิกภาพ100,000 คน (2011)[5][6]
200,000 คน (2020)[7]
20,000+ คน (2024)[8]
อุดมการณ์
ศาสนาอิลสามนิกายซัยดี
ธงกลุ่ม
ธงกลุ่ม

ฮูษี (อาหรับ:الحوثيون‎) หรือชื่ออย่างเป็นทางการคืออันศอรอัลลอฮ์ (อาหรับ:أنصار الله, "สาวกของอัลลอฮ์") เป็นขบวนการอิสลามนิกายชีอะห์สุดโต่งและกองกำลังติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนโดยประเทศอิหร่าน กลุ่มนี้มีฐานะเป็นกลุ่มกบฏต่อต้านรัฐบาลเยเมน ปัจจุบันควบคุมพื้นที่ประมาณหนึ่งในสามของเยเมนและประชากรมากกว่าสองในสามของประเทศ

กำเนิด

[แก้]

กลุ่มฮูษีมีจุดกำเนิดในเยเมนตอนเหนือช่วงทศวรรษ 1990 ในฐานะส่วนหนึ่งของขบวนการฟื้นฟูนิกายซัยดี ขบวนการนี้เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองต่อการถูกกีดกันของชุมชนชีอะห์ซัยดีในเยเมน และเป็นการต่อต้านอิทธิพลทางการเงินและศาสนาของซาอุดีอาระเบียที่นับวันจะเพิ่มมากขึ้นและให้การสนับสนุนนักเทศน์ในพื้นที่ของกลุ่มฮูษี ด้วยเหตุนี้ ตระกูลฮูษีจึงเริ่มเคลื่อนไหวเพื่อฟื้นฟูนิกายซัยดีตั้งแต่ทศวรรษ 1980  

ผู้ก่อตั้งกลุ่มคือฮุซัยน์ บัดร์อัดดีน อัลฮูษี ซึ่งเป็นนักบวชนิกายชีอะฮ์ซัยดีที่มีชื่อเสียงและเป็นผู้วิจารณ์ประธานาธิบดีอะลี อับดุลลอฮ์ ซอเลฮ์ ต่อมา ฮุซัยน์ บัดร์อัดดีน อัลฮูษีนำการก่อกบฏต่อรัฐบาลในปี 2004 และถูกสังหารในปีเดียวกัน การเสียชีวิตของเขาเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ขบวนการเปลี่ยนผ่านไปสู่การติดอาวุธมากขึ้น การปราบปรามโดยรัฐบาลไม่ได้ทำให้ขบวนการสงบลง แต่กลับทำให้ธรรมชาติของกลุ่มเปลี่ยนจากเดิมที่เป็นขบวนการฟื้นฟูศาสนาและสังคม กลายเป็นกองกำลังติดอาวุธที่แข็งแกร่งขึ้น  

หลังจากบัดร์อัดดีน อัลฮูษี ถูกสังหารเสียชีวิต ผู้รับตำแหน่งต่อคืออับดุลมะลิก อัลฮูษี น้องชายของเขา นับตั้งแต่ปี 2011 กลุ่มฮูษีได้ขยายตัวเกินกว่าจุดมุ่งหมายตั้งต้นที่คิดเพียงจะฟื้นฟูนิกายซัยดี กลายเป็นขบวนการที่ต่อต้านรัฐบาลกลาง

อุดมการณ์

[แก้]

กลุ่มฮูษีได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากหลักคำสอนอิสลามและจุดมุ่งหมายทางการเมืองที่ผสมผสานกัน กลุ่มนี้ยึดมั่นในลัทธิซัยดี ซึ่งเป็นสำนักคิดหนึ่งในอิสลามชีอะห์ โดยเน้นว่าอิหม่ามควรเป็นชาวฮาเชมิต หรือผู้สืบเชื้อสายจากศาสดามุฮัมมัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มฮูษียึดถือนิกายจารูดี ซึ่งเป็นนิกายที่เคร่งครัดกว่าในสาขาซัยดี โดยกำหนดให้การสืบเชื้อสายจากศาสดาเป็นเงื่อนไขที่เข้มงวดสำหรับการเป็นอิหม่าม และเชื่อว่าสิทธิอันศักดิ์สิทธิ์ในการปกครองของพวกเขาไม่ได้จำกัดอยู่แค่เยเมน แต่ครอบคลุม "ทั่วทั้งจักรวาล" หลักการนี้เป็นรากฐานที่สนับสนุนความทะเยอทะยานในการขยายอิทธิพลของกลุ่มฮูษีออกไปนอกพรมแดนเยเมน

อุดมการณ์หลักของกลุ่มฮูษีได้แก่การฟื้นฟูนิกายซัยดี, การต่อต้านจักรวรรดินิยม, การต่อต้านไซออนิสต์, การต่อต้านชาวยิว, ลัทธิชาตินิยมเยเมน และลัทธิประชานิยม คำขวัญบนธงของพวกเขาที่ว่า"อัลลอฮ์ทรงยิ่งใหญ่ อเมริกาจงตาย อิสราเอลจงตาย ยิวจงพินาศ อิสลามจงชนะ" สะท้อนถึงความรู้สึกต่อต้านชาวยิวและการต่อต้านอเมริกา กลุ่มฮูษีมีเป้าหมายที่จะขับไล่สหรัฐออกจากตะวันออกกลาง ทำลายล้างอิสราเอล และสถาปนารัฐเคาะลีฟะฮ์อิสลามทั่วโลกโดยมีเยรูซาเลมเป็นศูนย์กลาง พวกเขายังต้องการควบคุมภูมิภาคและมักจะก่อกวนความมั่นคงของประเทศเยเมนและประเทศเพื่อนบ้าน

ความขัดแย้งในเยเมน

[แก้]

ฮูษีขึ้นสู่อำนาจ

[แก้]

ความไม่สงบเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2014 เมื่อกลุ่มฮูษีเรียกร้องให้มีการประท้วงครั้งใหญ่ เนื่องจากไม่พอใจที่รัฐบาลยกเลิกการอุดหนุนเชื้อเพลิง การตัดสินใจยกเลิกเงินอุดหนุนเชื้อเพลิงทำให้กลุ่มฮูษีมีประเด็นประชานิยมที่แข็งแกร่งในการเข้าสู่กรุงซานาและยึดอำนาจ โดยใช้ประโยชน์จากความไม่พอใจของประชาชน กลุ่มฮูษีนำเสนอการเคลื่อนไหวของตนว่าเป็นการปฏิวัติเพื่อต่อต้านการทุจริตและการยักยอกเงินหลวง  

21 กันยายน 2014 กลุ่มฮูษีบุกยึดกรุงซานา เมืองหลวงของเยเมน ซึ่งนำไปสู่การลาออกของนายกรัฐมนตรีโมฮัมเหม็ด บาซินดาวา กองทัพเยเมนไม่ได้เข้าแทรกแซงอย่างเป็นทางการในขณะที่กลุ่มฮูษีกำลังยึดกรุงซานา มีเพียงหน่วยทหารบางส่วนซึ่งเป็นพันธมิตรกับกลุ่มภราดรภาพมุสลิมเท่านั้นที่ต่อต้าน หลังจากเข้าควบคุมอาคารรัฐบาลที่สำคัญในซานา กลุ่มฮูษีและรัฐบาลได้ลงนามในข้อตกลงที่สหประชาชาติเป็นผู้ไกล่เกลี่ยเมื่อวันที่ 21 กันยายน เพื่อจัดตั้ง "รัฐบาลเอกภาพ"  

สถานการณ์เลวร้ายลงอย่างมากในเดือนมกราคม 2015 เมื่อนักรบฮูษียึดทำเนียบประธานาธิบดีเยเมน เพื่อพยายามเพิ่มอิทธิพลเหนือรัฐบาลและการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ในที่สุดและคณะรัฐมนตรีของประธานาธิบดีอับดุร็อบบะฮ์ มันซูร ฮาดี ก็ลาออกเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2015 สามสัปดาห์ต่อมา กลุ่มฮูษีประกาศยุบรัฐสภาและจัดตั้งคณะกรรมการปฏิวัติเป็นหน่วยงานชั่วคราว แม้ว่าในภายหลังจะตกลงที่จะรักษาสภาผู้แทนราษฎรไว้เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงแบ่งปันอำนาจ การเปลี่ยนแปลงอำนาจนี้ได้รับการสนับสนุนจากอิทธิพลของอิหร่านและความช่วยเหลือจากกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ ซึ่งเป็นกลุ่มตัวแทนของอิหร่านในเลบานอน  

อดีตประธานาธิบดีคนแรกอะลี อับดุลลอฮ์ ซอเลฮ์ ผูกมิตรกับกลุ่มฮูษีอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคม 2015 ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของเยเมนตอนเหนือได้ อย่างไรก็ตาม พันธมิตรนี้ไม่มั่นคงนัก และในเดือนธันวาคม 2017 ซอเลฮ์ได้ประกาศแยกทางกับกลุ่มฮูษีอย่างเปิดเผย ก่อนที่จะถูกสังหารโดยกลุ่มฮูษีในเวลาต่อมา

สงครามกลางเมืองเยเมน

[แก้]

การยึดอำนาจของกลุ่มฮูษีทำให้เยเมนเข้าสู่สงครามกลางเมืองที่รุนแรง โดยซาอุดีอาระเบียและพันธมิตรได้เปิดฉากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายของกลุ่มฮูษีในเดือนมีนาคม 2015 ตามคำร้องขอของประธานาธิบดีฮาดี สงครามยังคงดำเนินต่อไป แม้จะมีความพยายามของสหประชาชาติในการไกล่เกลี่ยการเจรจาสันติภาพ  

การแทรกแซงของซาอุดีอาระเบียมีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูรัฐบาลฮาดีและต่อต้านการขยายอำนาจของกลุ่มฮูษี แต่กลับทำให้กลุ่มฮูษีสามารถรวมอำนาจควบคุมเยเมนตอนเหนือได้ และผลักดันให้พวกเขาเข้าสู่วงโคจรเชิงยุทธศาสตร์ของอิหร่านมากขึ้นโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งทำให้ความขัดแย้งตัวแทนในภูมิภาคทวีความรุนแรงขึ้น โดยตั้งแต่ปี 2018 การโจมตีด้วยขีปนาวุธของกลุ่มฮูษีต่อซาอุดีอาระเบียก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันและโรงงานน้ำมัน ในช่วงต้นปี 2022 กลุ่มฮูษียังได้ขยายขอบเขตความขัดแย้งโดยการโจมตีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ด้วยโดรนและมิสไซล์ ต่อมาในเดือนเมษายน 2022 มีการลงนามข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งทำให้การสู้รบส่วนใหญ่หยุดลง และมีการขยายเวลาหยุดยิงในเดือนมิถุนายน 2022 แนวปะทะความขัดแย้งยังคงไม่เปลี่ยนแปลงในบางพื้นที่ ซึ่งสะท้อนถึงพรมแดนก่อนการรวมประเทศของเยเมน

อ้างอิง

[แก้]
  1. [อัลกุรอาน 61:14]
  2. Middle East Forum."Harakat Ansar Allah (Yemen): Emblem".jihadintel.meforum.org.เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 April 2021. สืบค้นเมื่อ15 February 2020.
  3. Ansar Allah (Houthis)."Ansar Allah".ansarollah.com (ภาษาอาหรับ).เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 April 2021. สืบค้นเมื่อ15 February 2020.
  4. "The rise of Yemen's Houthi rebels". 28 February 2015 โดยทาง www.bbc.com.
  5. Almasmari, Hakim."Medics: Militants raid Yemen town, killing dozens".,CNN, 27 November 2011.
  6. Houthis Kill 24 in North Yemenเก็บถาวร 19 ตุลาคม 2017 ที่เวย์แบ็กแมชชีน, 27 November 2011.
  7. "The myth of stability: Infighting and repression in Houthi-controlled territories". OCHA. 10 February 2021.เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 May 2022. สืบค้นเมื่อ10 February 2021.
  8. Bland, Archie; McKernan, Bethan (January 12, 2024)."Who are the Houthis and how did the US and UK strikes on Yemen come about?".The Guardian (ภาษาอังกฤษแบบบริติช).ISSN 0261-3077.
  9. 123Mohammed Almahfali, James Root (2020-02-13)."How Iran's Islamic Revolution Does, and Does Not, Influence Houthi Rule in Northern Yemen".Sana'a Center For Strategic Studies (ภาษาอังกฤษ).เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 April 2023. สืบค้นเมื่อ2023-04-04.
  10. 12The World Almanac of Islamism. Rowman & Littlefield Publishers. 27 October 2011.ISBN 9781442207158.เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 17 January 2023. สืบค้นเมื่อ6 November 2021.
  11. "The Islamist philosophy 'Qutbism' could be entering America's national security vernacular".The Hill. 19 December 2017.เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 17 August 2021. สืบค้นเมื่อ19 December 2017.McMaster's Qutbism comments are occurring simultaneously with U.S. ambassador to the United Nations Nikki Halley's proof of Iranian support for Houthi missiles. The timing of the Trump administration's push connects the dots between Iran, Houthis and Qutabists supported by Turkey and Qatar.
  12. "Yemen: Civil War and Regional Intervention"(PDF).Congressional Research. 8 December 2020.เก็บ(PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 7 August 2021. สืบค้นเมื่อ13 February 2021.The Houthi movement (formally known as Ansar Allahor Partisans of God) is a predominantly Zaydi Shia revivalist political and insurgent movement formed in the northern Yemeni governorate of Saada under the leadership of members of the Houthi family.
  13. 123"Houthis".Sabwa Center. 7 October 2022. สืบค้นเมื่อ18 September 2023.
  14. 12345Cameron Glenn (29 May 2018)."Who are Yemen's Houthis?".Wilson Center.เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 April 2019. สืบค้นเมื่อ20 April 2019.
  15. 12Asher Orkaby (25 March 2015)."Houthi Who? A History of Unlikely Alliances in an Uncertain Yemen".Foreign Affairs.เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 August 2019. สืบค้นเมื่อ20 April 2019.
  16. 123Plotter, Alex (4 June 2015)."Yemen in crisis".Esquire.เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 July 2018. สืบค้นเมื่อ5 September 2015.
  17. "Why Washington May Side With Yemen's New anti-American Rulers".Haaretz.เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 May 2022. สืบค้นเมื่อ13 March 2022.
  18. 12"Yemeni embassy in DC condemns 'anti-American', 'anti-Semitic' Houthi ceremony".english.alarabiya.net. 7 November 2020.เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 May 2022. สืบค้นเมื่อ13 March 2022.
  19. "Yemen: Further information: Arbitrarily detained Baha'is must be released".Amnesty International (ภาษาอังกฤษ). 20 December 2023.เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 May 2024. สืบค้นเมื่อ15 May 2024.On 17 October 2023, the UN Human Rights Council passed a resolution calling on the Huthi de facto authorities to "remove the obstacles that prevent access by relief and humanitarian aid, to release kidnapped humanitarian workers and to end violence and discrimination against women and targeting based on religion or belief."
  20. "For Yemen's gay community social media is a saviour".The Irish Times. 22 August 2015.
Stub icon

บทความเกี่ยวกับการเมืองการปกครองนี้ยังเป็นโครง คุณสามารถช่วยวิกิพีเดียได้โดยการเพิ่มเติมข้อมูล

เข้าถึงจาก "https://th.wikipedia.org/w/index.php?title=ฮูษี&oldid=12384231"
หมวดหมู่:
หมวดหมู่ที่ซ่อนอยู่:

[8]ページ先頭

©2009-2025 Movatter.jp